วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552

วันที่ตัดสินใจไม่ออก






ณ วันนี้วันที่ 22 มกราคม เราก้อได้มานั่งที่แคนทีน นั่งใก้ลใครยังไม่บอก รู้แค่ว่าเราคุยกันมา 2 เดือนกว่าแล้ว






วันนี้เปนวันที่ผมเดินผิดปกติเพราะ ปวดเท้าขวา แล้วรู้สึกว่าเสียว(ออกแนวเจ็บแป๊บๆ)ที่เข่าซ้ายทรมานมากเลย






ขอท้าวความไปถึงอดีตถึงเรื่องของการอยากจะลาออกก่อนนะ ณ วันนี้ผมคิดว่าผมจะเริ่มชอบในอาชีพนี้แล้วอ่ะ ผมคิดว่าอย่างน้อยเราก้อแตกต่างจากคนอื่น เราคือผู้เสียสละ ทั้งทางด้านครอบครัว และประเทศเพราะถ้าไม่มีพวกผม ซึ่งเปนผู้นำการขนส่งเข้าประเทศกว่าร้อยละ 90 แล้วใครจะทำ (ฟังดูว่ายิ่งใหญ่มากเลยใช่มะ จะว่าหรอกตัวเองก้อคงใช่แหละ ) แต่วันนี้อัตราการอยากลาออกกับอัตราการอยู่ต่อ ซึ่งอัตราการอยู่ต่อสูงกว่า ใช่ว่าจะไม่อยากออกเลย เหตูผลที่อยากออก ณ ตอนนี้คือพี่คนนึง บ้าอำนาจทำอะไรอย่างที่คนอื่นเค้าไม่ทำกัน ชอบโชว์ว่าตัวเองเก่งอย่างนู้นเก่งอย่างนี้ ผมอย่างจาบอกว่าไปดูแลตัวเองเหอะ แล้วตอนนี้พี่คนนี้ก้อเหมือนจะโดนรุ่นผมแบนไปทั้งรุ่นแล้วอ่ะ( สะใจโว้ย ) ทำให้ผมเบื่อมาก






ส่วนเหตุผลที่อยู่ต่ออ่ะ คืออาชีพมั่นคงรายได้ดี พ่อแม่พี่ๆอยากให้เรียน แล้วก้อรู้สึกว่ารักพี่ๆทุกคน(ยกเว้น1คน) เหตุผลอีกข้อคือผมเริ่มชอบคนในคณะคนนึง ซึ่งเค้าน่ารัก นิสัยดี หน้าตาเหมือนมดหรือหม่ำก้อไม่แน่ใจ หุหุ ที่ยังไม่ออกเพราะ กลัวว่าอยู่ดีๆเราออกไปแล้ว แต่เพื่อนยังอยู่ต่อแล้วจะกลับมาคิดว่าทามไมวันนั้นเราไม่อยู่ต่อวะ ป่านนี้คงได้ไปเที่ยวรอบโลกแล้ว หรือไม่ก้อสบายไปแล้ว(คิดเผื่ออนาคตเลยนะเนี่ย)






สรุป ว่าตอนนี้ยังสู้ไหวก้อเลยยังไม่ออก แต่ยังไม่อยากให้วันติวเข้มก่อนลงเรือมาถึงเลยน่าจะลำบากน่าดู

วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วันที่อยากออก


ก้ออยากจะบอกว่าไม่ใช่ทนไม่ไหวหรอก ตอนนี้คิดว่ามันไม่ชอบมากกว่า คิดว่าขนาดนี้ยังอยากออกเลย แต่ถ้าไปทามงานแบบนี้อยู่กลางทะเล 6-9 เดือนจะไม่อยากกลับเลยเหรอ
คิดว่าตัวเองชอบทามงานอยู่กับพวกรถยนต์มากกว่า รู้สึกว่ากลัวตัวเองเข่าจะพังเหมือนกัน ไม่ใช่ทามเงินได้เท่าไรเอาไปรัษาเข่าหมด
แล้วชีวิตคิดว่ามันมีความสุความสนุกก้อตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นยังเป็นหนุ่มนี่แหละ ถ้าแก่ตัวไปแล้วจะไปสนุกอีกมันก้อไม่ใช่ เหมือนว่ามันก้อไม่มีแรงที่จะไปแล้วอ่ะ
แล้วถ้าสมมุติว่าได้ไปทำงานต่างประเทศ ก้อใช่ว่าเราจะได้ไปเที่ยวตามที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ก้อได้แค่อยู่ตามเมืองท่า แล้วเมืองท่ามีอะไรอ่ะ? ก้อไม่น่าจะพ้นผู้หญิง
อย่างเราอ่ะนะได้เงินมากก็ใช่มาก คงจะเหลือเก็บอย่างคนอื่นเค้าอยาก
เพื่อนเค้าที่เพิ่งจาออกไป 28 พ.ย.นี้มันเป็นเพื่อนสนิทเค้า มันพูดว่าอาชีพนี้ จริงอยู่มันได้เงินเยอะจริงแต่มันบอกว่าทำไปแล้วไม่มีความสุขจะทำไปทำไมสู้ไปทำงานที่ตัวเองชอบแล้วอยู่กะมันทั้งชีวิตไม่ดีกว่าเหรอยอมทำงานเงินน้อยแล้วมีความสุขดีกว่า อาชีพเดินเรือนี้ทามก้อทามแค่แปบเดี่ยวไม่นานก้อเลิก อาชีพอื่นใช่ว่าจะไม่รวยไม่มีเงิน เค้าคิดว่ามานอยู่ที่หัวคิดมากกว่าคนมันจะรวยยังไงก้อรวย แค่อาชีพนี้มีคนเค้าว่างแผนไว้ให้หมดแล้วเท่านั้นเอง ไม่แน่ว่าถ้าไปทามอาชีพอื่นก้ออาจจะรวยกว่าก้อได้ ใครจะไปรู้
เค้าคิดอยู่ทุกวันแหละว่าตัวเองทนไปทำไม ในเมื่อชีวิตมีทางเลือก ทำเพื่อพ่อแม่หรือจะทามเพื่อตัวเอง แล้วถ้าพ่อแม่รู้ทีหลังว่าทามไปแล้วไม่มีความสุขอ่ะเค้าจะมีความสุขกะเราเหรอ เวลาของการสอบเอเน็ทก้อเข้ามาใกล้

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ชีวิตที่แสนน่าเบื่อ


ผมชื่อ
มาโนช หงษ์กลาย ชื่อเล่นตั้ม ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2551 ผมได้เดินทางมายังหอพัก 4 ของมหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อมาเรียนคณะโลจิสติกส์ สาขาวิทยาการเดินเรือ ที่มาเรียนที่นี่เพราะครอบครัวอยากให้เรียน(จริงๆผมก็รู้แหละว่ารักผม อยากให้ผมสบายเพราะเรียนสาขานี้เงินเดือนสูง) ในความคิดของผมนะ ก็รู้ว่าเรียนที่นี่นั้นมีการฝึกแต่คงไม่นักขนาดนี้เจอเข้าไปวันแรกก็คิดเลยว่า "อะไรวะมีแบบนี้ด้วยเหรอ" ใช้ให้ผมทำงานอะไรผมไม่เคยบ่นแต่อย่าทำโทษผมเลย แต่ก็สู้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงวันนี้ วันที่ 26 สิงหาคม 2551 ซึ่งครบ 3 เดือน กับอีก 1 วัน และวันนี้เป็นวันเกิดของผม เป็นวันเดียวกับวันที่ผมอยากลาออกมาก(จริงๆผมอยากลาออกมาก่อนน่านี้ประมาณ 10 วันแล้วหล่ะ) ผมรู้สึกว่าเบื่อยังไงไม่รู้โดยเฉพาะเวลาใส่ชุดฝึกหรือเวลาโดนทำโทษรวม(ทั้งๆที่ผมไม่ใช่คนก็เรื่องเลยแต่ผมก็ไม่เคยด่าเพื่อนที่ทำผิดเพราะคิดว่ามันผ่านไปแล้ว ครั้งต่อไปก็ทำอีกเลย ผมอยากอยู่สบายแล้ว) เวลาพี่สั่งอะไรมาผมก็ทำได้เกือบทั้งหมดแล้ว ใช่ครับผมยอมรับว่าเรียนสาขานี้เงินเดือนสูงแต่รู้สึกว่ามันลำบากน่าเบื่อ(พ่อผมบอกว่า"จะสบายก็ต้องลำบากมาก่อน") เจอผู้คนก็น้อยเวลาไปทำงาน อยู่บนเรือจะเจออะไรบ้างก็ยังไม่รู้เลย แต่ที่ยังทนอยู่ก็เพราะพ่อ แม่ พี่ๆ(ในครอบครัวและในเดินเรือ)ที่คอยให้กำลังใจว่าอย่าไปคิดอะไรมากให้มันผ่านไปวันๆ ที่ยังไม่ออกในตอนนี้เพราะคิดถึงอนาคตตัวเอง หรือคิดหลอกตัวเองว่าสักวันคงจาได้เป็นแฟนกับ C... ต้องดูแลเขาให้ได้ไม่ต้องมาลำบาก แล้วยิ่งพี่ๆเดินเรือเล่าให้ฟังถึงการลงเรือฝึก ทำให้ผมคิดเลยว่าเวลาไปทำงานจะมีความสุขเหรอวะ


สำหรับข้อความนี้ขอพักไว้เท่านี้ก่อน

มาโนช หงษ์กลาย

ติดตามความคืบน่ากันต่อไปนะ